สุดโหด! ครูพละเตะนักเรียน ลงไปกองกับพื้น
พ่อแม่นักเรียนชาย ชั้นม.2 โร่ร้องเรียนผอ. ลูกชายถูกครูพละเตะจนนอนกองกับพื้น เด็กเผยไม่รู้ครูโมโหมาจากไหน ไล่เตะนักเรียนมั่ว
(5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่อาคารทองอิน บริเวณหน้าห้องพักครูโรงเรียนเทศบาลศรีพนมมาศพิทยากร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายประสาน และนางน้อย (ขอสงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา นำ ด.ช.บอย (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ลูกชาย พร้อมตัวแทนผู้ปกครองและเพื่อนนักเรียนร่วมชั้น ขอพบนายชาญ อ่อนวงษ์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและขอพบตัวนายจิรภัทร สาทวอล ครูสอนพละและสุขศึกษา หลัง ด.ช.บอย มีอาการบาดเจ็บบริเวณแขนซ้ายบวม ฟกช้ำ โดยอ้างว่าถูกครูพละคนดังกล่าวกระหน่ำเตะ
นางน้อย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อตนกลับมาถึงบ้าน พบเพื่อนของลูกชาย 4-5 คนอยู่ภายในบ้านจึงแปลกใจ สอบถามทราบว่าเพื่อนๆ แวะมาเยี่ยมสอบถามอาการ ด.ช.บอย เนื่องจากถูกครูสอนวิชาพละ กระหน่ำเตะจนตัวงอล้มลงกองกับพื้น โดยพบว่าแขนซ้ายบวมแดงจึงรีบพาไปโรงพยาบาล ซึ่งหมอระบุว่าที่แขนซ้ายมีรอยฟกช้ำ จากการถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นจึงพาลูกชายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับครูคนดังกล่าว ทั้งนี้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากลูกชายเป็นเด็กดี หลังเลิกเรียนหรือวันหยุด จะเข้าไปช่วยพ่อแม่ที่สวนอยู้เป็นประจำ
ด้าน ด.ช.บอย กล่าวว่าช่วงเกิดเหตุตนและเพื่อนนั่งคุยกันภายในโรงยิม ขณะที่ครูพละกำลังเดินผ่าน อยู่ๆก็มุ่งตรงมาหาแล้วดึงตัวไป และใช้เท้าเตะเข้าที่บริเวณลำตัวด้านซ้ายหลายครั้ง จนตนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ จนกระทั่งแม่บ้านทำความสะอาดผ่านมาเห็นเลยวิ่งเข้ามาห้ามไว้ จากนั้นครูก็เดินไปเตะเก้าอี้ของโรงเรียนพังเสียหายอีก 4 ตัว ซ้ำยังไปเตะเด็กนักเรียนชั้น ม.1 อีกรายคน ทั้งๆที่ทุกคนไม่มีความผิด แต่ไม่รู้โมโหมาจากไหน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชิน เปรมวิชัย รองผู้อำนวยการ ได้เชิญผู้ปกครองและนักเรียน เข้าพบภายในห้องทำงาน แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟัง จากนั้นนายสุชิน กล่าวเพียงสั้นๆว่า วันนี้ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ทำได้เพียงรับเรื่องไว้อย่างเดียว เพราะต้องรอผู้อำนวยการโรงเรียน ที่กำลังอบรมอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ กลับมาสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ทั้งนี้มีรายงานว่าครูพละคนดังกล่าว เพิ่งถูกเรียกตัวเป็นครูบรรจุใหม่ได้เพียง 1 เดือน และอยู่ระหว่างทดลองสอนและการประเมิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น