เมาส์

Luffy - One Piece

หน้าปก

หน้าปก
++ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Monruedeening.blogspot.com++

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


เหนือเทพ! "สเปน" รัว "อิตาลี" 4-0 ป้องกันแชมป์ยูโร สร้างประวัติศาสตร์ชู 3 ถ้วยติด

"กระทิงดุ" สเปน สร้างประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ ขยี้อิตาลีกระจุย 4-0 ป้องกันแชมป์ยูโร โดยมีแชมป์เวิลด์ คัพ คั่นกลาง ซิวแชมป์เมเจอร์ 3 รายการติดต่อกัน 

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน วันที่ 1 กรกฎาคม ระหว่าง สเปน แชมป์เก่า พบกับ อิตาลี โดยรายชื่อ 11 ผู้เล่นคนแรกของสเปนได้แก่ อิเกร์ คาซียาส, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, จอร์ดี้ อัลบ้า, ชาบี้ เอร์นันเดซ, ชาบี้ อลอนโซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรียส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา 

สำหรับอิตาลี จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อิ๊กนาซิโอ อบาเต้, อันเดรีย บาร์ซาญี, ลีโอนาร์โด้ เบนุชชี, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, แดนิเอเล เด รอสซี่, ริคคาร์โด มอนโตลิโว, อันเดรีย ปิร์โล่, มาริโอ บาโลเตลลี่, อันโตนิโอ คาสซาโน 

เริ่มเกมครึ่งแรก ทั้งสองฝ่ายเล่นกันได้สูสี หลังจาก 5 นาทีแรก เป็นสเปน ที่เล่นเกมบุกจ่ายบอลวูบวาบไปมาในกรอบเขตโทษมากกว่าแต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์แบบชัดเจน 

นาทีที่8ชาบี้เอร์นันเดซชิ่งบอลกับเชสฟาเบรกาส เพื่อนนักเตะบาร์ซ่า แตะบอลกลับมาให้ชาบี้ ได้ซัดหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งข้ามคานไปนิดเดียว 

นาทีที่ 13 อันเดรียส อิเนียสต้า โชว์ทีเด็ดจ่ายบอลตัดแบ็คให้เชส ฟาเบรกาส วิ่งอ้อมกองหลังขึ้นมาพาบอลหลุดเข้าไปสุดเส้นหลังทางกราบขวา เปิดตัดกลับมาเข้าศรีษะดาบิด ซิลบา พอดีกลายเป็นการโหม่งเสียบสามเหลี่ยมให้แชมป์โลกขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 
 

หลังจากเสียประตู อิตาลีโหมเกมกดดันสเปนอยู่หลายนาที ได้โยนบอลจากทั้งฟรีคิกและลูกเตะมุมทั้งสองฝั่งของสนามกองหลังสเปน ต้องตั้งหน้าสกัดกันพัลวัน

นาทีที่ 20 อัซซูรี่ โชคไม่ดีเสียจอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังยูเว่คนเก่งไปจากอาการบาดเจ็บ เปลี่ยน เฟเดอริโก บัลซาเร็ตติ ลงเล่นแบ็คซ้ายแทน นาทีที่ 28 อันโตนิโอ คาสซาโน่ หลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย มีโอกาสสับไกทางกราบซ้ายบอลลอดขากองหลังสเปน พุ่งมาตรงตัว คาซียาส นายทวารสเปนยังไวก้มรับไว้ได้ทัน

นาทีที่ 41 สเปน ฉวยโอกาสอิตาลี จอร์ดี้ อัลบ้า เติมเกมขึ้นมาฝากบอลไว้ที่ชาบี้ เอร์นันเดซ แข้งบาร์ซ่า จ่ายบอลสุดเฉียบมาให้แบ็คซ้ายที่บาร์ซ่า เพิ่งซื้อตัวกลับมาอัลบ้า วิ่งสอดกองหลังอัซซูรี่ หลุดขึ้นมายิงผ่านมือบุฟฟ่อน แชมป์เก่าใส่สกอร์หนีเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกไป
 

ครึ่งหลังปรันเดลลี่ แก้เกมส่งอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ แทนที่ อันโตนิโอ คาสซาโน และมีโอกาสได้โหม่งลูกครอสของอบาเต้ ทันที แต่หัวหอกอูดิเนเซ่ โหม่งข้ามคานไป

นาทีที่ 48 สเปน พลาดได้จุดโทษอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่เซร์คิโอ รามอส โหม่งลูกฟรีคิกไปโดนมือของโบนุชชี่ อย่างชัดเจน แต่ผู้ตัดสินชาวโปรตุเกส ไม่ได้เป่านกหวีด หลังจากนั้น อิตาลี ก็มีโอกาสได้ประตูตีตื้นจากการหลุดขึ้นมายิงของ ดิ นาตาเล่ แต่ยิงไม่ผ่านมือคาซียาส 

หลังจากเหลือ 10 คน อิตาลี เป็นฝ่ายตั้งรับ เคลียร์บอลที่สเปน ส่งมาป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษ ฝั่งแชมป์เก่าได้บุกอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนส่ง เปโดร โรดริเกซ และ เฟร์นันโด ตอร์เรส ลงมาแทนซิลบา และฟาเบรกาส อีกต่างหาก

10 นาทีสุดท้าย สเปน เล่นกันสบายๆ บวกเพิ่มอีกหนึ่งประตู ชาบี้ เอร์นันเดซ ดักบอลจากปิร์โล่ จ่ายทะลุช่องให้ เฟร์นันโด ตอร์เรส หลุดมายิงประตูที่ 3 ให้สเปนนำ 3-0 และยิงประตูในนัดชิงฯได้ 2 ครั้งติด มีชื่อเป็นดาวซัลโวร่วมของทัวร์นาเมนต์อีกคน พร้อมตอกฝาโลงแชมป์โลก 4 สมัย
 

นาทีที่ 85 ฮวน มาต้า ลงมาแทนอันเดรียส อิเนียสต้า ได้สัมผัสบอลแรกจากที่ตอร์เรส หลุดล้ำหน้ามาดวลกับบุฟฟ่อน หัวหอกเชลซีไม่มีช่องยิง ใจกว้างจ่ายกลับมาให้ มาต้า แปโล่งๆ นำ 4-0 เป็นสกอร์นัดชิงฯที่มากที่สุดตั้งแต่เริ่มรายการปี 1960 ปิดกล่องเอาชนะ อิตาลีได้อย่างสวยงาม  คว้าแชมป์ยูโร 2012 ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ และเป็นทีมแรกที่สามารถทำได้โดยที่มีแชมป์เวิลด์ คัพ คั่นกลาง ซึ่งสเปน เป็นทีมที่ไม่เสียประตูในรอบน็อคเอาท์ 2 รายการติดกันแล้ว
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น