เมาส์

Luffy - One Piece

หน้าปก

หน้าปก
++ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Monruedeening.blogspot.com++

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555


แกะกล่องDELL XPS 13 อัลตร้าบุ๊คพันธุ์แกร่ง
หลังจากได้รับหมายเชิญไปงานเปิดตัว DELL XPS 13 ที่ห้างใหม่ใจกลางเมืองตั้งแต่เดือนมีนาคม และติดต่อคุณพีอาร์เพื่อขอรับผลิตภัณฑ์มาทดสอบ ล่าสุด ต้นเดือนที่ผ่านมา ก็ถึงคิวที่ทางพีอาร์ส่งอัลตร้าบุ๊คแใหม่แกะกล่องจากเดลมาให้เราได้ชมโฉมกันแบบริงไซค์ แต่เนื่องด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จึงทำให้เราไม่ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพในตัวเครื่องมากนัก (ซึ่งถ้าพูดถึงในเรื่องของสเป็ค แต่ละค่ายก็คงอัดกันมาแบบเต็มสูบ ไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่) ดังนั้น เราจึงขอโอกาสนี้พาชมเฉพาะภายนอกตัวเครื่องเอาใจคนชอบดีไซน์ เพราะถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบลำดับต้นๆ ที่ทำให้หลายคนเลือกซื้อคอมพิวเตอร์พกพานอก
เหนือจาก ราคา แบรนด์ และคุณสมบัติ
DELL XPS 13 รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มีขนาดหน้าจอ 13 นิ้วตามชื่อรุ่น ภายใต้ไซส์ตัว 11 นิ้ว ซึ่งถือเป็นเทรนด์การออกแบบที่ตอนนี้หลาย ค่ายเริ่มนำมาใช้กันมากขึ้น เนื่องจากจะทำให้ตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็กลง แต่คงไว้ด้วยขนาดพื้นที่หน้าจอเดิม ด้วยการตัดขอบระยะของหน้าจอ ส่วนการใช้เลือกใช้สี DELL XPS 13 อยู่ภายใต้โทนสีเงินอลูมิเนียมผสมดำ ที่ทำให้ดูเรียบร้อย และคงไว้ด้วยความคลาสิก ฝาพับมาแบบเรียบๆ พร้อมประทับโลโก้อักษร DELL ส่วนวัสดุตัวถังทำจาก Carbon Fiber ที่ถูกเครมว่าเป็นวัสดุชนิดเดียวกันกับที่ใช้ประกอบเครื่องบิน JET จึงทำให้มีความความแข็งแรง ทนทานแบบสุดๆ
และด้วยความที่เป็นอัลตร้าบุ๊ค องค์ประกอบหนึ่งเลยที่ขาดไม่ได้ก็คือ เรื่องของความบาง และแน่นอนว่า DELL XPS 13 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยความบางเพียง 6-18 มิลลิเมตร ส่วนพอร์ทเชื่อมต่อต่างๆ ก็ถูดจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพอร์ท Mini-Display ใกล้มุมด้านบนสุด, ถัดมาเป็นพอร์ท USB 3.0  และปุ่มแสดงแบตเตอรี่ ขณะที่จุดเล็กๆ ที่เรียงถัดไปจะเป็นแถบแสดงระดับแบตเตอรี่
ส่วนพอร์ทเชื่อมต่อฝั่งด้านซ้ายมือ จะประกอบไปด้วยช่องสำหรับเสียบอะแดปเตอร์, พอร์ท USB 2.0 และหูฟัง
สำหรับน้ำหนักของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 1.35 กิโลกรัม
ส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง จะมาในพื้นหลังสีดำ วัสดุคล้ายพื้นยาง ที่ช่วยให้อัลตร้าบุ๊คยึดเกาะพื้นที่ที่วางมากขึ้น พร้อมระบายความร้อนและยกสูงขึ้นจากผิวระนาบด้วยแถบเส้นตรงขนานตัวเครื่อง สำหรับป้ายแท็กตรงกลางสีเงินสลักตัวอักษร XPS กำกับด้วยโลโก้วินโดว์ และอินเทล พร้อมหมายเลขซีเรียลเครื่องที่ด้านใน แบตเตอรี่เป็นแบบชนิด 6 เซลล์ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง
สำหรับภายในของ DELL XPS 13 เดลเลือกใช้สีดำทั้งตัวหน้าจอและพื้นที่คีย์บอร์ด มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ที่ทำจาก Gorilla Glass แสดงผลที่ความละเอียด 1366x768 พิกเซล แรมขนาด 4 GB กราฟฟิคการ์ดแบบออนบอร์ด Intel HD 3000 แผงคีย์บอร์ดดีไซน์ Chiclet Keyboard ป้องกันฝุ่น ส่วนสเป็คซีพียูภายในเครื่อง มีให้เลือกสองแบบคือ Core i5 2467M และ Core i7 263M วาจำหน่าย 3 รุ่น สนนราคาเริ่มต้นที่ 4 หมื่นเป็นต้นไป ซึ่งก็นับว่าเป็นสายพันธุ์อัลตร้าบุ๊คอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในตลาดบ้านเรา

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Samsung เตรียมจัดงานเปิดตัว Galaxy รุ่นใหม่ 15 สิงหาคมนี้! จะคืออะไรนะ?

ผ่านไปแล้วประมาณ เกือบ 3 เดือนที่ Samsung ได้แถลงข่าวเปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่คนทั่วโลกจับตามองอย่าง Samsung Galaxy S3  วันนี้มีข่าวสั้นแต่ไม่ธรรมดา เพราะ Samsung Electronics America  ได้ส่งหมายเชิญสื่อต่างๆ ร่วมงานแถลงข่าวครั้งใหญ่ในวันที่ 15 สิงหาคมที่จะถึงนี้samsung galaxy note 10.1
ประเด็นที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานแถลงข่าวในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ คาดการว่า อาจเป็นการเปิดตัว Samsung Galaxy Note 10.1 ที่เคยปรากฎโชว์ในงาน Mobile World Congress 2012 เมื่อช่วงต้นปี  หรือจะเป็น Samsung Galaxy Note 2 ตามที่หลายสำนักข่าวลือกันหนาหูว่าน่าจะเปิดตัวต่อจาก Samsung Galaxy S3 เหมือนกัน
ต้องรอลุ้นกันในวันที่  15  สิงหาคมนี้ว่า Samsung จะเปิดตัวอะไรกันแน่? (แต่รอดู 7 สิงหาคมกันก่อนที่ว่า Apple จะเปิดตัวอะไรๆใหม่ๆอย่างที่ลือกันว่า  iPhone5  จะเปิดตัวในวันดังกล่าวหรือเปล่า? ) 


ผู้ใช้ Instagram ทะลุ 80ล้านราย แต่ twitter บล็อค Instagram ในฟังก์ชั่นค้นหาเพื่อน!

           ช่วงนี้การแชร์ภาพบนสังคมออนไลน์ผ่านทางแอพ instagram ยังเป็นที่นิยมทั่วโลกอยู่  ล่าสุด Instagram ได้ประกาศแล้วว่ามียอดสมาชิกทะลุ 80 ล้านรายแล้ว และเมื่อ Facebook ประกาศซื้อกิจการของ Instagram ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ฐานผู้ใช้แอพ Instagram นี้เพิ่มขึ้น 30ล้านราย ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน เท่านั้น ทั้งนี้ส่วนใหญ่ มาจากการเปิดตัวแอพ Instagram เวอร์ชั่น Android บวกกับ การที่ถูก Facebook ซื้อไป
เมื่อคุณเลือก Find Friends แล้วเลือก Twitter Friends จะปรากฎข้อความว่าไม่สามารถหาเพื่อนบน twitter ได้ เพราะโดนบล๊อคเข้าถึง API
แต่ก็มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Instagram เพราะจะไม่สามารถใช้ Find Friends บน twitter เพื่อตามหาเพื่อนบน twitter ที่ใช้ Instagram ได้แล้ว โดยตัวแทนของ Twitter ได้กล่าวว่า Twitter ได้ระงับการเข้าถึง API ในส่วนข้อมูลผู้ติดตาม (follow graph data) ของ Instagram และทาง  LinkedIn ก็โดนด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้น่าสนใจเพราะการเพิ่มจำนวนของ Instagram นี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการค้นหาสมาชิกผ่าน Find Friends ด้วย แต่ตอนนี้ยังสามารถถ่าย แต่งภาพ อัพโหลด และแชร์ภาพไปยัง twitter ผ่านทาง Instagram ได้ตามปกติ

สถิติสมาชิก Facebook ทั่วโลก รวมมากกว่า 955 ล้านราย 

โดย ใช้ผ่านมือถือ 543 ล้านราย


         Facebook ประกาศ ผลประกอบการไตรมาส 2ของปี โดยได้พูดถึงสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้ facebook ซึ่งมากที่สุดในโลก โดยมีมากถึง 955 ล้านรายทั่วโลก มีผู้ใช้งานออนไลน์เป็นประจำ  552 ล้านราย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา และ มีผู้เช็ค facebook มากถึง 543 ล้านรายบนมือถือ

โดยสถิติผู้ใช้ Facebook 955 ล้านรายทั่วโลก แบ่งเป็น

สหรัฐและแคนาดา: 186 ล้านราย
ทวีปยุโรป: 246 ล้านราย
ทวีปเอเชีย: 255 ล้านราย
ส่วนอื่นๆของโลก: 268 ล้านราย

ส่วนจำนวนผู้ใช้ออนไลน์ Facebook เป็นประจำ กว่า 552 ล้านราย แบ่งเป็น

สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 130 ล้านราย
ทวีปยุโรป: 154 ล้านราย
ทวีปเอเชีย: 129 ล้านราย
ส่วนอื่นๆของโลก: 139 ล้านราย

YikeBike จักรยานไฟฟ้า"พับได้"ใช้ดี

      ก่อนหน้านี้ ทางเว็บไซต์ arip ได้เคยแนะนำนวตกรรมยานพาหนะ"ล้อเดียว"ทีสามารถทรงตัวได้เองชื่อว่า Enicycle หรือจะเป็นจักรยานไฮบริดที่เลือกว่าจะปั่นเอง หรือให้มอเตอร์ไฟฟ้าปั่นให้ รวมถึงจักรยานพับได้ในรูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการพกพา หรือจัดเก็บ ล่าสุดมีนวตกรรมแนวๆ นี้โผล่ออกมาอีกแล้ว โดยตัวนี้มีชื่อว่า YikeBike
YikeBike เป็นจักรยานไฟฟ้าที่มีดีไซน์ไม่เหมือนใคร แถมยัง"พับได้" เพื่อสะดวกต่อการนำติดตัวไปใช้งานเมื่อยามจำเป็นได้อีกด้วย YikeBike จะมีสองล้อไม่เท่ากัน โดยที่นั่งของผู้ขับจะอยู่บนล้อใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 1.2 กิโลวัตต์ ด้านข้างจะเป็นแฮนด์บังคับ ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทีมีคุณสมบัติเบาและแข็งแรง และออกแบบให้สามารถพับเล็กลงจนเหลือขนาดเพียง 6 x 23.6 x 23.6 นิ้ว (23.6 นิ้ว จะเป็นความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลางของล้อใหญ่) และมีน้ำหนักเพียง 22 ปอนด์ (10 กิโลกรัม) ซี่งได้เร็วสุด 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้ 80% ภายในเวลา 20 นาที โดยเจ้าของ YikeBike จะใช้เวลาในการพับเก็บแค่ 15 วินาทีเท่านั้น...ว้าว!!!


ไม่น่าเชื่อว่า YikeBike จะควบคุมการทำงานด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์จริงๆ โดยเฉพาะระบบป้องกันการล็อคไม่ให้เกิดการลื่นไถล อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ดีไซน์ของ YikeBike ทำให้นึกถึงต้นแบบจักรยานสองล้อในอดีตที่"ล้อหน้าใหญ่-ล้อหลังเล็ก" แต่การออกแบบในสมัยนั้นล้อหน้าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 3 ฟุตเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าเชื่ออีกเหมือนกันว่า มันจะใช้ขี่ได้จริง กลับมาที่ YikeBike กันดีกว่า ปัจจุบันเจ้าจักรยานไฟฟ้าพับได้คันนี้ยังคงเป็นคอนเซปต์ เนื่องจากยังหาผู้รับผลิตเป็นสินค้าไม่ได้ แต่หากมีการผลิตจริง สนนราคาเบื้องต้นจะตกอยู่ที่ประมาณ 3,000 ปอนด์ (ประมาณ 170,000 บาท)


+[Click...เชิญชมวิดิโอสาธิตการใช้งาน]+


วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น
          ขอเริ่มประเดิมด้วยข่าวคราว Gadget ก็แล้วนะครับ ช่วงที่ผ่านมานำเสนอข่าวหนักๆ ทั้งสัปดาห์ไปแล้ว สำหรับแก็ดเจ็ตที่เห็นในรูปแว้บแรกอาจจะคิดว่า มันคือรีโมทของอะไรสักอย่าง แต่ความจริงมันคือ "เมาส์" ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาครับ เพราะเกิดมาเพื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทีมีหัวใจนักดนตรี ชอบสแครชแผ่นแบบพี่โดม มิกซ์เพลงสนุกๆ แบบดีเจ เพราะนี่คือ DJ Mouse

          Mouse จะมีความแตกต่างจากเมาส์ยูเอสบีทั่วไปตรงที่บริเวณตรงกลางของมันจะมีจ๊อกคอนโทรลที่สามารถหมุนได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อใช้ควบคุมการเล่นเพลงแบบเดินหน้า ถอยหลัง ดัง เบา เปลี่ยนพิตช์เสียง และอื่นๆ อีกสารพัด แบบว่า ใช้เลียนแบบการสแครชแผ่นเสียงจริงๆ ตลอดจนมิกซ์เพลงที่ชื่นชอบได้อย่างสนุกสนาน ส่วนที่ด้านท้ายจะมีปุ่มควบคุมการใช้งานจีอกในโหมดสแครชแผ่นเสียงนั่นเอง ที่เหลือก็จะเป็นปุ่มคลิกขวาซ้าย และลูกกลิ้งตรงกลาง เหมือนเมาส์ปกติทั่วไป

DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น
DJ Mouse สำหรับคนชอบสแครชแผ่น

          DJ Mouse จะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ และแผ่นรองที่ดูเท่กลมกลืนได้บรรยากาศเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ใช้บนเวทีสแครชแผ่นจริงๆ โดยซอฟต์แวร์ทีมาด้วยกันสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแพลตฟอร์มแมคฯ และวินโดวส์ ซึ่งเจ้าซอฟต์แวร์นี้เองที่ช่วยให้คุณสนุกกับดีเจเมาส์ได้อย่างเต็มความสามารถของมัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยถนัดกับเครื่องพวกนี้นัก (ฟังได้อย่างเดียว) สำหรับคุณผู้อ่านที่ได้ชมคลิปแนะนำ และสาธิตการใช้งานแล้วเกิดสนใจอยากเป็นพี่โดมก็เตรียมสตังค์ไว้ 79 เหรียญฯ หรือประมาณ 3,000 บาทครับ (ราคานี้สงสัยจะรวมค่าซอฟต์แวร์ Deckadance ด้วยแน่ๆ เลย)

เชิญชมวิดิโอสาธิตการใช้งาน


เชิญชมวิดิโอสาธิตการใช้งาน



William James Sidis  บุคคลที่ฉลาดที่สุดในจักรวาล







          Sidis เป็นชาวรัสเซีย เกิดวัน April Fool's Day หรือ 1 เมษายน ค.ศ.1898 วันที่โลกได้สัมผัสกับบุคคลที่ถือว่า "ฉลาดทีสุดในจักรวาล" จนพวกสมาคมทางด้าน IQ ให้ฉายาว่า "Universal Genius" คืออาจจะต้องให้โลกแตกเสียก่อนถึงจะเจอคน IQ สูงอย่างนี้อีกซักคน

ซึ่ง IQ ของเขาประมาณอยู่ที่ 260-300 เลยทีเดียว
พ่อแม่ของ Sidis เป็นหมออพยพมาจากรัสเซีย ซึ่งวงศ์ตระกูลสายของพ่อ ของ Sidis จะฉลาดกันมากๆ เขาลือว่า คนตระกูลนี้สามารถคิดทำความเข้าใจสิ่งต่างๆได้เร็วกว่านักวิชาการเก่งๆถึง 10 เท่า พ่อของ Sidis เป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น แต่ตอนหลังชื่อเสียงหดหายเพราะชอบโม้ว่า เขามีเคล็ดลับในการสอนคนรอบข้างให้ฉลาดขึ้นจนเป็นอัจฉริยะกันได้ และยังมีเรื่องเสียๆหายๆอีกหลายเรื่อง

แน่นอน เขาก็บอกว่า ทั้งลูกและภรรยาของเขาเป็นผลผลิตจากวิธีการสอนของเขาเอง

ความอัจฉริยะของเค้าฉายแววตั้งแต่เด็ก

-เมื่ออายุ 1 ขวบ สะกดคำทุกคำได้ถูกต้อง

-เมื่อ อายุ 1 ขวบครึ่ง ก็สามารถอ่าน หนังสือพิมพ์ New York Times ได้

-เมื่ออายุ 2 ขวบ ...ก็สามารถเรียนรู้ภาษาลาติน ด้วยตัวเอง
-เมื่อ 3 ขวบ สามารถพิมพ์ดีดแล้ว ส่งจดหมายสั่งของเล่นมาให้ตัวเอง

-เมื่อ 4 ขวบ ...สามารถอ่านนิยายภาษาลาติน จากนิยายเรื่องCaesar's Gallic Wars


มาด้านการเรียน

เรียนวิชาตรรกศาสตร์ของอริสโตเติล ตอนอายุ 6 ขวบ

ตอน 6 ขวบนี้แหละที่ Sidis เริ่มเรียนภาษารัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮิบรู ตุรกี(Turkish) อาร์เมเนียน

และช่วงเดียวกันนี้ เขาเริ่มเรียน Gray's Anatomy พวกกายวิภาค โดยเข้า Grammar Schoolและจบ ในเวลา 7 เดือน


พออายุ 8 ขวบเริ่มเป็นอภิชาตบุตร  เพราะเก่งคณิตศาสตร์กว่าพ่อและ สามารถจำทุกอย่างที่อ่านได้


ในตอนนี้เขาสามารถเขียนหนังสือเกี่ยวกับ Anatomy และ Astronomy ออกมา ทั้งหมด 4 เล่ม
และสามารถพูดภาษาได้ 10 ภาษา อย่างคล่องแคล่ว!!

ในด้านภาษาการเรียนรู้ของเค้า ถึงจุดสุดยอด ที่ว่า นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครในโลกสามารถทำได้อย่างตลอดกาล คือ การเรียนรู้ ภาษา ภายใน 1 วัน (อย่างคล่องแคล่วซะด้วย) และ ในภายหลัง เขาสามารถ พูด สนทนา เขียน อ่าน ได้อย่างคล่องแคล่ว มากถึง 200ภาษา  (พูดได้ 200 ภาษา)

เมื่ออายุ 7 ขวบ สอบผ่าน Harvard Medical School anatomy exam

ต่อมา เมื่ออายุ 8 ขวบ สอบ entrance exam ของ MIT ผ่าน


เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ Corrected (ตรวจตรา, แย้ง, เห็นข้อผิดพลาด)
ของ Harvard logic professor Josiah Royce's book manuscript:citing โดยบอกว่า "Wrong Paragraphs)

พออายุ 11 ขวบ เป็นผู้ที่เข้าศึกษาที่ harvard อายุน้อยที่สุด

และจบจาก Harvard ในตอนที่เขาอายุ 16

หลังจากนั้นในปีต่อมา ก็เข้ามาศึกษาต่อ Harvard Law School

แต่เหมือนกับว่า ตอนเรียนที่ Harvard เขากลับไม่เป็นอย่างที่ทุกๆคนคาดหวังเอาไว้
เนื่องจากผลการเรียนเค้า อยู่ในระดับ ปกติ ทั้งที่ควรจะดีเลิศ
เขาก่อปัญหา และถูกจับในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดการก่อจราจล

ชีวิตเขาในภายหลังแทบเรียกว่า ล้มเหลว เพราะงานก็ไม่เอา เรียนก็ไม่เรียน
ทั้งๆที่ เป็นบุคคลที่มี IQ สูงและฉลาดที่สุดใน จักรวาล

มีหลายกระแส บอกว่า เป็นเพราะพ่อแม่ของเขาที่ค่อนข้างกดดันเขาในวัยเด็ก
และวัยเด็กเค้าที่ ไม่ได้เล่นสนุกเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป
บางกระแสก็บอกว่า เป็นเพราะเขาฉลาดจนเกินไป และปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้


Sidis ความจริงแล้วเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดที่โลกเราเคยมีมา

และยังเป็นชายที่มี IQ สูงราวๆ 300 (อันดับ รองลงมาจาก Sidis เป็นผู้หญิงค่ะ IQ 230 ส่วน ไอนสไตน์จะใกล้เคียงกัน ประมาณ 228)

ที่ไอนสไตน์ดังได้ และ เป็นที่จดจำ เพราะชีวิตของเค้า ไม่ได้ล้มเหลวเหมือน Sidisและ ไอนสไตน์ฝากไว้ซึ่งผลงาน ความฉลาดของเขาส่งเสียงดังกัมปนาท เหมือนระเบิดที่ ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ซึ่งความจริงแล้ว ไอนสไตน์ไม่เคยสร้างระเบิดสักลูก แต่แทบทุกคนก็จดจำเขาในฐานะเจ้าของทฤษฏีอันเป็นต้นตอ ของระเบิดที่ร้ายแรงที่สุดในโลก ...

Sidis ใช้เวลาในชีวิตให้หมดไปกับการเรียนรู้สารพัดศาสตร์ที่น่าสนใจ

เขาสนใจกระทั่งศาสตร์ลึกลับต่างๆ ตลอดจนการพิสูจน์จิตวิญญาณในมิติอื่น


ส่วนไอน์สไตน์อุทิศ 30 ปีสุดท้ายของชีวิตให้กับ

ทฤษฎีสนามรวม  Umified Field Theory

ด้วยเกรงว่าถ้าไม่ใช่เขา ก็จะไม่มีใครค้นหาความจริงในทฤษฎีนี้พบ


หลายคนพยายามหาคำตอบว่า ทำไม Sidis ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเลย กลับกลายเป็นล้มเหลวด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นคนที่ IQ สูงที่สุดในจักรวาลก็ว่าได้ (จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครฉลาดเท่านายคนนี้


Sidis เสียชีวิต ตอนอายุได้ 56 ปี ใน ปี ค.ศ. 1923 ขณะที่กำลังเขียนหนังสือเรื่อง The Psychology of the Folk Tale โดยเขามีผลงานตีพิมพ์หนังสือ 17 เล่ม และบทความในนิตยสาร 50 เรื่อง

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา
          บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กกะทัดรัดพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการใช้งาน
บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเครื่องสีดำ แดง และขาวมีดีไซน์ที่สวยเก๋ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีบัมเปอร์บอดี้ (BumperBody) ที่จะปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับข้อมูล หากมีการกระทบกระเทือนจากการใช้งาน และความแข็งแกร่งมีความจุที่หลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามต้องการโดยสามารถพกพาฮาร์ดไดรฟ์ที่มีความจุสูงสุดถึง 500 กิกะไบต์ และที่สำคัญใช้งานง่ายด้วยการติดตั้งแบบอัตโนมัติ

Buffalo Ministration Metro
Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา


          ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร มีความจุที่สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ขนาด 250 กิกะไบต์, 320 กิกะไบต์ และ 500 กิกะไบต์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการแบ็คอัพงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ตแบบ USB 2.0 ด้วยสายเคเบิลที่ติดอยู่ด้านข้างตัวเครื่องสะดวกในนำมาการใช้งานและจัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยี เทอร์โบยูเอสบี (TurboUSB) ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างฉับไวและสะดวกยิ่งขึ้น สามารถจัดเก็บและถ่ายโอนไฟล์ภาพดิจิตอลด้วย Google Picasa ทั้งสามารถจัดเก็บเพลงต่าง ๆ และไฟล์อื่นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่บนไดรฟ์หลักของเครื่องพีซี

          นอกจากนี้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงมากยิ่งขึ้นด้วย ซีเคียวล็อคแวร์ (SecureLockWare) ซอฟต์แวร์สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, การจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงทำให้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) มีความปลอดภัยในระดับสูง สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องแมคอินทอช

จุดเด่นผลิตภัณฑ์
- มีน้ำหนักเบา แข็งแรง พกพาสะดวก
- ซอฟต์แวร์ TurboUSB ที่เพิ่มความเร็ว USB2.0
- ความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที
- สามารถติดตั้งได้เองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้งานไดรฟ์เวอร์
- สนับสนุนยูเอสบี 2.0 และ 1.1
- ซอฟต์แวร์ SecureLockWare สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, ป้องกันจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล
- เทคโนโลยี BumperBody ปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก
- ซอฟต์แวร์ Memeo AutoBackup สำหรับคอมพิวเตอร์ในระบบ Windows และ Macintosh ช่วยให้การจัดเก็บรวมถึงการอ่านหรือเขียนและ แชร์ข้อมูลปลอดภัย
- สนันสนุน Time Machine สำหรับการแบ็คอัพข้อมูล
- Full-Disk Encryption ระบบการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตในฮาร์ดไดรฟ์หรือระบบที่สูญหายหรือถูกขโมยไป

คุณสมบัติทั่วไป

Internal Hard Drives
- Number of Drives : 1
- Drive Interface : SATA
- Hard Drive Sizes : 250GB, 320GB, 500GB

Interface
- Standard Compliance : USB 2.0 / 1.1
- Connector Type : Mini B type
- Number of Ports : 1
- Data Transfer Rates : Max. 480 Mbps

Others
- Dimensions (W x H x D in.) :5.3 x 3.6 x 0.8
- Weight (oz.) : 8.5
- Power Supply : DC5V (Power supplied through USB)
- Power Consumption : Max. 2.5W
- Client OS Support : Windows Vista , Windows XP, Windows2000, MacOS X 10.4 or later

ว้าว!!! แฟลชไดรฟ์ 32GB "เล็กจิ๋ว-กันน้ำ"
     คุณผู้อ่านยังจำ Pico Drive "แฟลชไดรฟ์จิ๋ว"ที่สามารถกันน้ำได้ไหมครับ ซึ่งเราได้เคยนำมาโชว์ในงาน Commart แล้วด้วย ทั้งนี้นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นแล้ว แฟลชไดรฟ์รุ่นนี้ยังมีความจุสูงอีกต่างหาก โดยรุ่นแรกที่ออกมาจะมีความจุ 8GB ตามมาติดๆ ด้วยรุ่น 16GB ล่าสุดทางบริษัทได้ออกรุ่นความจุ 32GB ในขณะที่ขนาดของมันยังคงเท่าเดิม

     Pico Drive 32GB แฟลชไดรฟ์ยูเอสบีขนาดเล็กที่สุดในโลกที่มีความจุสูงขนาดนี้ โดยมีความยาวแค่ 31.3 มม. กว้าง 12.4 มม. และหนา 3.4 มม. เท่านั้น ซึ่งเมื่อเสียบเข้ากับพอร์ตยูเอสบี ส่วนที่ยื่นออกมาแค่ 1.5 ซม. เท่านั้น ตัวถังเคลือบด้วยเงิน (กันไฟฟ้าสถิตย์ หรือกระแสไฟฟ้าเล็กๆ ที่อาจะส่งผลอันตรายกับข้อมูลที่บันทึกอยู่ภายใน) และเช่นเคยที่มันยังคงสามารถกันน้ำได้

แฟลชไดรฟ์ 32GB
ว้าว!!! แฟลชไดรฟ์ 32GB "เล็กจิ๋ว-กันน้ำ"

คลิปข้างล่างนี้เป็นการพิสูจน์คุณสมบัติกันน้ำของแฟลชไดรฟ์รุ่น 8GB สนนราคาของ Pico Drive 32GB อยู่ที่ 139.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,000 บาท

+[Click...เชิญชมวิดิโอสาธิตการใช้งาน]+


10 วิธีเพิ่มความจำ



“มันน่าประหลาดใจมาก เมื่อเราพบว่าเราจดจำหลายๆอย่างที่เราไม่เคยแม้แต่จะสังเกตุได้” ~ Babara Kingsolver,Animal Dreams
วิธีเพิ่มความจำดีๆ 10 วิธี มาฝากค่ะ
(1). เชื่อมั่น:  การศึกษาทำในคนวัยกลางคนและสูงอายุพบว่า ความจำของคนเราแปรตามความเชื่อมั่น คนเราจะจำอะไรๆ ได้ดีถ้าเชื่อมั่นว่า “เราทำได้”
คนที่มองโลกในแง่ดีและเชื่อว่า ความจำของคนเราไม่ลดน้อยถอยลงไปตามอายุจะมีความจำดีกว่าคนที่คิดว่า “โอ… เราแก่แล้ว จำสู้เด็กๆ ไม่ได้”

(2). ประหยัด:  ทุกวันนี้หน่วยงานดีๆ จะมีกิจกรรม “5ส” เพื่อให้หน่วยงานเป็นระเบียบ ข่าวดีคือ การจัดเรื่องต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่ช่วยป้องกันการลืม
เครื่องมือป้องกันการลืมที่สำคัญได้แก่ ปฏิทิน แผนที่ สมุดวางแผน แผ่นจดรายการของต้องซื้อก่อนไปชอปปิ้ง สมุดจดที่อยู่-เบอร์โทรศัพท์

(3). แบ่งเป็นชุดเล็กๆ:  สมองคนเราจำเรื่องเล็กๆ ได้ดีกว่าเรื่องใหญ่ๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าจะจำตัวเลข 8 หลัก “27984689″
ควรแบ่งเป็น 2 ชุดแบบที่เราใช้จำเบอร์โทรศัพท์ “2798-4789″
เวลาจะจำอะไรก็ควรฝึกจำทีละชุดเล็ก เช่น อ่านหนังสือวันละน้อย ฯลฯ ดีกว่าฝึกจำชุดใหญ่ เช่น อ่านหนังสือรวดเดียวก่อนสอบ ฯลฯ

(4). ใช้ประสาททั้งห้า:  ใช้ประสาททั้งตา หู จมูก ลิ้น และกายที่ประทับใจมากที่สุด เพื่อจดจำเรื่องราว ประทับใจอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องขอ
“เชื่อมโยง” กับประสบการณ์ในอดีตด้วยว่า สัมผัสหรือเรื่องนั้นคล้ายกับอะไรด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากจำรายละเอียดในร้านอาหาร
ให้ ลองสูดหายใจเข้าแรงๆ ได้กลิ่นอะไรให้รีบจำกลิ่น และเชื่อมโยงว่า กลิ่นนี้คล้ายกลิ่นอะไร เช่น คล้ายกลิ่นขนมที่คุณยายทำให้ตอนอายุ 2 ขวบ ฯลฯ


(5). ขยายขอบเขต:   การท่องออกเสียงดังๆ วาดภาพประกอบ บันทึก หรือทำภาพไดอะแกรมเชื่อมโยงกระบวนการเข้าด้วยกัน เช่น แผนภูมิก้างปลา ฯลฯ ช่วยให้จำได้ง่ายกว่าการอ่านในใจเพียงอย่างเดียว

(6). เรียกชื่อ:   คนเราจะจำชื่อคนได้ดีขึ้นถ้าเรียกชื่อคนที่เราเห็นทุกครั้ง หรือถ้านึกถึงใครในใจก็ให้รีบทบทวนชื่อคนนั้นทันที


(7). เว้นช่วง:  คนเราจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้ดีถ้าทบทวนซ้ำ (repeat) ในช่วงที่ห่างกัน เช่น 2-3 วัน ฯลฯ หลายๆ ครั้งได้ดีกว่าการท่องรวดเดียว

(8). คำย่อ:   คำย่อมีส่วนช่วยให้จำอะไรได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างที่อาจารย์ท่านยกมาเป็นภาษาอังกฤษ เช่น ถ้าจะจำตัวอักษรตัวแรกของคำต่างๆ 5 คำ
(E, G, B, D, F) ให้ลองนำอักษรตัวแรกมาแต่งเป็นประโยค เช่น Every good boys does fine. ฯลฯ


(9). ท้าทาย:   สมองคนเราเป็นเรื่องที่ต้อง “ท้า(ทาย)” หรือฝึกบ่อยๆ จึงจะใช้การได้ดี การฝึกสมอง เช่น การเล่นคำต่อ (crossword) หมากรุก
การฝึกใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำงาน ฯลฯ มีส่วนช่วยฝึกสมองให้ตื่นตัว และใช้การได้ดีขึ้นในระยะยาว


(10). นอนให้พอ:  คนที่พักผ่อนนอนหลับเพียงพอมักจะจดจำอะไรๆ ได้ดีกว่าคนที่อดนอน ถ้าจะถนอมสมองให้ใช้ได้ดีไปนานๆ ก็ควรนอนให้พอ และอาจเสริมด้วยกิจกรรมฝึกสมาธิ เช่น ไทเกก-ไทชิ(ชี่กง) สมาธิกำหนดลมหายใจ ฯลฯ และออกกำลังเป็นประจำ
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า คนที่รู้จักใช้เท้าออกกำลัง เช่น เดิน วิ่ง ฯลฯ มีสมองดีกว่าคนที่ใช้แต่หัวอย่างเดียว และไม่ค่อยได้ใช้เท้า จึงมีคำกล่าวว่า สมองดีเริ่มต้นที่เท้า
ถ้าถามว่า ความจำดีๆ ของคนเราเริ่มต้นที่ไหน คำตอบอาจจะเป็นว่า เริ่มต้นที่ความเชื่อมั่นว่า “เราทำได้” และลงมือทำวันนี้เลย






มรรคแท้มีอันเดียว (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)



ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นมรรค อันเอกอุกฤษฏ์
เดินทางนี้ตรงไปสู่ความดับทุกข์ได้แน่ อันพระอริยเจ้าทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ได้ดำเนินมาสำเร็จตามปรารถนามาแล้วทุกๆ พระองค์ มรรค ๘ เป็นทางดำเนินด้วยใจ ถึงแม้จะแสดงออกมาให้เป็นศีล ก็แสดงศีลในองค์มรรคนั่นเอง

มรรคแท้มีอันเดียว คือ สัมมาทิฏฐิ อีก ๗ ข้อเบื้องปลายเป็นบริวารบริขารของสัมมาทิฏฐิทั้งนั้น
หากขาดสัมมาทิฏฐิตัวเดียวเสียแล้ว สัมมาสังกัปปะเป็นต้น ย่อมเป็นไปไม่ได้


เช่น ปัญญาพิจารณาเห็นความทุกข์ตามเป็นจริงว่า มนุษย์สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมถูกทุกข์คุกคามอยู่ตลอดเวลา โลกนี้จึงเป็นที่น่าเบื่อหน่ายเห็นเป็นภัย แล้วก็ดำริตริตรองหาช่องทางที่จะหนีให้พ้นจากกองทุกข์ในโลกนี้ 


การดำริเช่นนั้นก็เป็นผลสืบเนื่องมาจาก สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบนั่นเอง 
การ ดำริที่ชอบที่ถูกนั้นก็เป็นสัมมาวาจาอยู่แล้ว เพราะวาจาจะพูดออกมาก็ต้องมีการตริตรองก่อน การตริตรองเป็นศีลของอริยมรรค การพูดออกมาด้วยวาจาชอบเป็นศีลทั่วไป


การงานของใจ คือ ดำริชอบ วาจาชอบ อยู่ภายในใจ เป็นการงานของอริยมรรคผู้ไม่ประมาท ดำเนินชีวิตเป็นไปในอริยมรรคดังกล่าวมาแล้วนั้น ได้ชื่อว่าความเป็นอยู่ชอบของผู้นั้น ผู้พยายามดำเนินตามอริยมรรคดังกล่าวมาแล้ว โดยติดต่อกันตามลำดับไม่ขาดสายได้ชื่อว่ามีความเพียรชอบในมรรคทั้งแปด 



๖ ข้อเบื้องต้นมีความเห็นชอบเป็นต้น มีความพยายามชอบเป็นที่สุด 
หากขาดสัมมาสติ ตั้งสติชอบเสียแล้ว จะเดินไปให้ถึงสัมมาสมาธิไม่ได้เลย เหมือนทางที่ไม่ติดต่อเชื่อมกัน จะนำยานพาหนะไปตลอดทางได้อย่างไร

องค์สุดท้ายคือสัมมาสมาธิ 
ยิ่งเป็นกำลังใหญ่สนับสนุนให้องค์มรรคนั้นๆ มีกำลังกล้าหาญที่จะไม่ท้อถอยในหน้าที่ของตนๆ พึงสังเกตดูเถิดว่า นักปฏิบัติโดยมาก หากสมาธิไม่มั่นคงแล้วมักไปไม่รอด ปัญญาสัมมาทิฏฐิเป็นผู้ส่องทางให้เห็นทางเดินก็จริง แต่เมื่อสติกับสมาธิอ่อนกำลังลงแล้ว ปัญญาอาจกลายเป็นสัญญาเป็นสังขารไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ภัยร้ายจากไอที




ชีวิตประจำวันเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การสื่อสารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งโทร ศัพท์มือถือ ไอโฟน ไอแพด แบล็กเบอร์รี่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เหล่านี้หากใช้เป็นเวลานานๆ จะก่อให้เกิดผลกระทบกับระบบกล้ามเนื้อ เช่น ชาที่มือ อันเกิดจากท่าทางการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น บีบี ไอโฟน ทำ ให้เกิดการกดทับหลอดเลือดและเส้นประสาทบริเวณข้อมือ การแนบโทรศัพท์มือถือที่หูเป็นเวลานานๆ ทำให้ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดศีรษะข้างเดียวหรือไมเกรน การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันหลายชั่วโมง อาจก่อให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า และหลัง รวมทั้งปวดตา ตาพร่า

แพทย์อายุรเวท วิภาพร สายศรี จากคลินิกรักษาโรคปวดศีรษะด๊อกเตอร์แคร์ กล่าวว่า ลักษณะเชิงกายภาพของคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานานๆ เกิดการใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการเกร็งตัวสะสมของกล้าม เนื้อจนเกิดเป็น Trigger Point การพักผ่อนและการบริหารกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธีเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการ และชะลอการเกิดอาการปวดเรื้อรัง แต่กรณีที่อาการปวดเรื้อรังอยู่ในระดับที่รบกวนการทำกิจกรรมตามปกติ การรักษาที่เรียกว่า Trigger Point Therapy เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ

วิธีการรักษาแบบ Trigger Point Therapy เป็นการคลายกล้ามเนื้อส่วนบนของมัดกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหา และสลายจุด Trigger Point ที่เกิดจากการเกร็งตัวสะสมของมัดกล้ามเนื้อส่วนล่าง เมื่อจุด Trigger Point คลายออกจนเป็นกล้ามเนื้อปกติ การอักเสบของกล้ามเนื้อดีขึ้น อาการปวดเรื้อรังก็จะดีขึ้นและหายดีในที่สุด

เทคนิคการบริหารกล้ามเนื้อคอ เพื่อคลายความตึงเครียดระหว่างนั่งปฏิบัติงาน 

ท่าที่ 1 หันศีรษะไปทางซ้ายช้าๆ ใช้มือซ้ายช่วยดึงค้างไว้นับ 1-10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา

ท่าที่ 2 ก้มศีรษะพยายามให้คางชิดอกมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที 

ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้นช้าๆ ไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 10 วินาที 

ท่าที่ 4 เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึง พยายามให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านซ้าย 

ท่าที่ 5 หันศีรษะไปทางด้านซ้าย 45 องศา ใช้มือขวาช่วยดึงพร้อมก้มลงช้าๆ ให้มากที่สุดค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา
ขูดต้นไม้ทำไมเห็นตัวเลข



 การขูดเปลือกหรือผิวต้นไม้เพื่อการขอหวยเป็นเรื่องเก่าแก่มากครับ เชื่อกันมาเป็นร้อยปีแล้ว จนถึงทุกวันนี้ การขูดต้นไม้เพื่อหวังตัวเลขก็ยังดำเนินกันต่อไปในสังคมไทย มาลองใช้คำอธิบายความเชื่อนี้จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์บ้างดีกว่า บางทีจะลดความเชื่อและทำให้สบายใจขึ้นบ้าง
  
สมัยที่ยังหาต้นไม้ง่ายนั้น ต้นที่ผู้คนนิยมไปขูดกันมาก คือไม้ตะเคียน เพราะเราสร้างตำนานความเชื่อขึ้นมาว่ามีเทพยดา หรือผีสางนางไม้สิงสถิตอยู่ ลักษณะเด่นของไม้ในวงศ์นี้มีท่อน้ำยางอยู่ภายในเนื้อไม้ เมื่อมีใครไปขูดเข้าน้ำยางที่อยู่ภายในอาจจะซึมหรือไหลออกมาทำปฏิกิริยากับอากาศ ซึ่งอยู่ภายนอกทำให้เกิดเป็นร่องรอยสีเข้มหรือสีดำขึ้นมาได้ ประกอบกับการขูดขีดในบางครั้งก็อาจไปลากเส้นเป็นตัวเลขขึ้นมาโดยบังเอิญด้วย ทำให้เกิดการมองร่องรอยเหล่านี้อย่างมีความหวังและสร้างจินตนาการเป็นตัวเลขนั้นตัวเลขนี้ขึ้นมา
    ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่าเป็นไปไม่ได้ครับ ที่การขูดขีดต้นไม้จะเกิดเป็นตัวเลขอะไรขึ้นมาจริงๆ นอกจากหลักแห่งความบังเอิญเท่านั้น
    หวยรุกขชาติจึงเป็นเพียงยางไม้เท่านั้น แต่ประกอบกับความเชื่อและจินตนาการของมนุษย์แล้วก็ทรงเครื่องพริ้งไปทีเดียว
10 วิธีในการผ่อนคลายความเครียด





"10 วิธีในการผ่อนคลายความเครียด"
1. ฟังเพลง หามุมสงบ
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ
2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ

 4. เขียนไดอารี่
การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ
 5. พลังแห่งการสัมผัส
ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
6. สร้างอารมณ์ขัน
พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเ X ่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง
 7. สูดกลิ่นหอม
รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ
8. ไปตากอากาศ
หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น
9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ
10. จินตนาการแสนสุข
อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น 

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


การค้นพบครั้งใหม่ โครงกระดูก "แฟรงเก้นสไตน์" อายุ 3 พันปี


นักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกมัมมี่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุกว่า 3,000 ปี บนเกาะยูอิสตส์ ในสก๊อตแลนด์ โดยการค้นพบครั้งนี้พวกเขาเรียกมันว่าโครงกระดูก "แฟรงเก้นสไตน์"
จากการสำรวจเกาะที่มีการพบมัมมี่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวในเกาะอังกฤษ นักโบราณคดีได้พบเรื่องราวน่าแปลกใจอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาสามารถขุดพบโครงกระดูกมัมมี่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุกว่า 3,000 ปี บนเกาะยูอิสตส์ ในสก๊อตแลนด์ และได้ทำการตรวจสอบดีเอ็นเอโครงกระดูกดังกล่าว พวกเขาพบว่า โครงกระดูกมัมมี่ตัวนี้ลักษณะคล้ายแฟรงเก้นสไตน์ เนื่องจากมีส่วนประกอบของกระดูกมนุษย์หลายคนรวมกัน และถูกฝังรวมก่อนที่จะเสียชีวิต มีผู้เชี่ยวชาญบางรายสันนิฐานว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นการสืบทอดเชื้อสายของครอบครัวมนุษย์เจ้าของกระดูก และอาจจะเป็นวิถีของสังคมในช่วงนั้นที่มีหลายครอบครัวอาศัยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดียังไม่สามารถบอกสาเหตุที่แน่นอนได้ว่า เพราะเหตุใดจึงนำโครงกระดูกของมนุษย์หลายคนมาฝังรวมกัน เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตุว่าการนำโครงกระดูกมาฝังรวมกันเกิดจากความตั้งใจ

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


แม่คนไทยคลอดลูกแฝด 6 ตั้งชื่อตามยี่ห้อรถ




(6 ก.ค.) แม่ชาวไทยคลอดลูกแฝด 6 คน ชาย 3 
หญิง 3 ขณะนี้เด็กทารกแฝดทั้ง 6 คนอายุประมาณ 
2 เดือนเศษ คลอดเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา 
ณ โีรงพยาบาลบำรุงราษฏร์อินเตอร์เนชั่นแนล 
ซึ่งทางครอบครัวข่าว 3 ได้นำเสนอเรื่องราวดังกล่าว
คุณพ่อคุณแม่ของเด็กแฝด 6 คือ นายนพพร 
วังวิทยาสกุล อายุ 37 ปี และ นางดวงชนก 
วังวิทยาสกุลอายุ 29 ปี รายงานระบุเด็กแฝดคนที่ 4
 น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์ยังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลแผนกบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด 
ทั้งนี้ คุณพ่อแฝด 6 ได้ตั้งชื่อเล่นของลูกตามยี่ห้อรถยนต์ที่ตนเองชอบ  คนโตเป็นผู้หญิงชื่อ ออดี้ คนที่สองเป็น
ผู้หญิงชื่อ ฟอร์จูน  คนที่สามเป็นผู้ชายชื่อ พอร์ช คนที่สี่เป็นผู้หญิงชื่อ มินิ คนที่ห้าเป็นผู้ชายชื่อ โฟล์ค คนที่
หกเป็นผู้ชายชื่อ เฟียต 
ด้าน นายนพพร เปิดเผยว่า ตนเองไม่คาดคิดว่าจะได้ลูกแฝดถึง 6 คน เพราะภรรยาอยู่ในภาวะมีบุตรยากเนื่อง
จากผิดปกติเรื่องการตกไข่ ปรึกษาแพทย์อยู่หลายครั้งจึงใช้วิธีการฉีดสเปิร์มของฝ่ายชายเข้ารังไข่โดยตรงจาก
นั้นภรรยาก็ตั้งครรภ์ ผ่านไป 3 เดือนได้ไปอัลตร้าซาวด์ถึงได้รู้ว่ามีลูกแฝดถึง 6 คน ตนเองดีใจมากที่ลูกคลอดออก
มาแล้วปลอดภัย ตอนนี้ต้องจ้่างพี่เลี้ยงเด็ก 3 คน และมีญาติ ๆ มาช่วยเลี้ยงด้วย